สารจากประธาน
เรียน ท่านผู้ถือหุ้น บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”)
ปี 2566 ที่ได้ผ่านพ้นไปนั้น ภาพรวมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวจากหลายปัจจัย ประกอบกับยังไม่มีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นเพียงพอที่จะดึงดูดใจผู้บริโภค จึงส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคต่างชะลอตัวลดลง ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องปรับกลยุทธ์ในการดำเนินโครงการ เพื่อให้สามารถแข่งขันและสร้างยอดขายให้เติบโต อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการดำเนินการในเรื่องสำคัญ ๆ หลายประการ ดิฉันใคร่ขอนำมารายงานต่อท่านผู้ถือหุ้น ดังต่อไปนี้
1. บริษัทฯ ได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์สำหรับโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ รวมทั้งสิ้นมูลค่า 6,570 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถนำกระแสเงินสดไปใช้ในการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น สำหรับปี 2566 บริษัทฯ สามารถดำเนินการขายโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จมูลค่า 6,633 ล้านบาท รวมถึงการขายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและโครงการเปิดใหม่รวมมูลค่า 8,296 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายโครงการ (Pre-sale) รวมของบริษัทฯ มีมูลค่าเท่ากับ 14,929 ล้านบาท (ไม่รวมยอดขายโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน)
2. บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 7 โครงการ เป็นมูลค่ารวมกว่า 18,900 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่องในระดับที่น่าพอใจ ด้วยโครงการที่มีคุณภาพและอยู่ในทำเลศักยภาพที่ดี แม้สภาพเศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่ไม่เอื้ออำนวย รวมถึงดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นก็ตาม โดยบริษัทฯ สามารถทำยอดขาย (Pre-sale) ได้สูงถึงมูลค่า 14,929 ล้านบาท (ไม่รวมยอดขายโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน) ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) รวมมูลค่า 19,827 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงความเชื่อมั่น (Sentiment) ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดย Segment ที่ยังคงสร้างยอดขายที่ดีให้กับบริษัทฯ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบระดับ Luxury และคอนโดมิเนียมในเมือง
สำหรับปี 2567 บริษัทฯ เชื่อว่าสภาพเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น ประกอบกับดอกเบี้ยอยู่ในภาวะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นกลุ่มนักลงทุนจะกล้าลงทุนมากขึ้น และกลุ่มผู้ซื้อซึ่งเป็น Real Demand จะยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ค่อย ๆ ปรับตัวดีตาม โดยในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ระดับ 14,000 ล้านบาท และยอดขาย (Pre-sale) ที่ระดับ 20,600 ล้านบาท และมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย (Demand) ที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,610 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,710 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,900 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ มีสินค้า (Inventory) ในมือมูลค่ารวม 34,547 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ รองรับความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Completed Inventory) มูลค่ารวม 10,405 ล้านบาท รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่จะสร้างเสร็จใหม่ในปี 2567 (Upcoming completed construction) มูลค่ารวม 5,758 ล้านบาท ได้แก่ โครงการนิว โนเบิล รัชดา–ลาดพร้าว โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง และโครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมียอดขายรวมเฉลี่ยแล้ว 70% และสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง (Under construction project) ที่จะสามารถทยอยส่งมอบได้ตั้งแต่ปี 2568 - 2570 มูลค่ารวม 18,384 ล้านบาท
3. บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำทางด้านการตลาดต่างประเทศ โดยปี 2566 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จสามารถทำยอดขายสำหรับลูกค้าต่างประเทศที่ระดับกว่า 5,247 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time high) โดยโครงการที่ได้การตอบรับอย่างดีคือโครงการประเภทคอนโดมิเนียมระดับ Luxury บนทำเลถนนทองหล่อ ได้แก่โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ บนทำเลถนนสุขุมวิทได้แก่ โครงการโนเบิล สเตท 39 และบนทำเลถนนวิทยุ ได้แก่โครงการ ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ กับกลุ่มฮ่องกง แลนด์ โดย ณ สิ้นปีที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวมียอดขายต่างชาติกว่า 2,200 ล้านบาท ประกอบกับในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายตลาดของลูกค้าต่างชาติให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น เมียนมา ไต้หวัน สิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นต้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในปี 2567 กลุ่มลูกค้าจีนจะกลับมามากขึ้นหลังเศรษฐกิจของจีนกลับมาดีขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะหนุนให้ยอดขายจากลูกค้าต่างชาติของบริษัทฯ กลับมามากยิ่งขึ้น
4. สำหรับการดำเนินการด้านกลยุทธ์ในภาพรวมนั้น บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นสนับสนุนการขยายแบรนด์ “NUE” เพื่อทำการเพิ่มสัดส่วนตลาด Premium Affordable อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 แบรนด์ “NUE” มีมูลค่าทั้งสิ้นกว่าร้อยละ 41 ของมูลค่าโครงการที่เปิดขายอยู่ (Active Project) รวมถึงบริษัทฯ ได้ทำการขยายโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่าโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise กว่าร้อยละ 25 ของมูลค่าโครงการรวมทั้งหมดของบริษัทฯ การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานของลูกค้าให้กว้างขึ้น และเพิ่มความต่อเนื่องในการรับรู้รายได้ของทุกไตรมาสมากขึ้นกว่าเดิม
5. ทางด้านการเงิน บริษัทฯ ได้ดำเนินนโยบายการเงินที่มีความเคร่งครัดรัดกุม โดย ณ สิ้นปี 2566 หากพิจารณาจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net IBD/E) ของบริษัทฯ เท่ากับ 2.05 เท่า ซึ่งต่ำกว่าคำรับรองที่บริษัทฯ มีต่อผู้ถือหุ้นกู้และสถาบันการเงินอย่างมีนัยยะ ประกอบกับบริษัทฯ ยังมีผลตอบแทนต่อส่วนของทุน (ROE) ในอัตราที่สูงเท่ากับร้อยละ 14.7 ทั้งนี้ ในปลายปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการออกหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 5 เดือน 26 วัน มูลค่า 984 ล้านบาทและหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี มูลค่า 808 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ BBB ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต stable หรือคงที่ จากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
6. นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจหลักด้วยความเข้มงวดระมัดระวังข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม กำหนดแนวทางการบริหารจัดการองค์กรตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนอันก่อให้เกิดคุณค่าร่วมในห่วงโซ่ธุรกิจของบริษัทฯ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใส และบริหารความเสี่ยงอย่างครอบคลุม ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทฯ ได้รับรางวัลเกียรติยศประกอบด้วย
- รางวัลการประเมินการกำกับดูแลกิจการ บริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2566 ในระดับ “ดีเลิศ” 5 ดาว จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
- ได้รับการประเมินผล 100 คะแนนเต็ม จากโครงการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 (AGM Checklist) ซึ่งดำเนินการโดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย
- ได้รับรางวัลกิตติกรรมประกาศ (Sustainability Disclosure Acknowledgement) ประจำปี 2566 จากสถาบันไทยพัฒน์
- ติดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ที่ระดับ “AA” ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ได้รับการต่ออายุ “การรับรองฐานะการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย” ครั้งที่ 1 ต่อไปอีกเป็นเวลา 3 ปี จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- รางวัลใหญ่ระดับเอเชีย “BCI Asia Top 10 Developers Awards 2023” โดยโครงการที่ได้รับรางวัล ได้แก่ โครงการนิว อีโว อารีย์ ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตอีกระดับให้กับผู้อยู่อาศัย ด้วยความโดดเด่นด้านแนวคิดและการออกแบบของโครงการที่ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ และการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จาก บริษัท บีซีไอ เซนทรัล จำกัด
- รางวัล “บ้านประหยัดพลังงาน REED Award 2023” จากโครงการส่งเสริมมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานของบ้านอยู่อาศัย “Residential Energy Efficiency Design” โดยโครงการที่ได้รับรางวัล ได้แก่ โครงการโนเบิล เกเบิล วัชรพล โครงการโนเบิล เคิร์ฟ เอกมัย - รามอินทรา โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 - เอกมัย โครงการโนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา โครงการนิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา และโครงการนิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)
- รางวัลจากงาน “HR Excellence Awards 2023” โดยบริษัทฯ ได้รับรางวัลใน 2 สาขา ได้แก่ “Gold: Most People - Focus CEO - คุณธงชัย บุศราพันธ์” ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับ CEO ที่ให้ความสำคัญกับพนักงานที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และรางวัล “Bronze: Excellence in HR Communication Strategy” ซึ่งเป็นรางวัลที่เชิดชูองค์กรที่ได้นำกลยุทธ์การสื่อสารที่มีประสิทธิผลมาใช้ภายในสายงานทรัพยากรบุคคลมีการจัดลำดับความสำคัญของการสื่อสาร ส่งผลต่อความเข้าใจถึงความต้องการของพนักงานอย่างชัดเจนและเกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น จาก Human Resources Online
- รางวัล “Living Insider Awards 2023” โดยบริษัทได้รับ 2 รางวัล จากการตัดสินของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจัดขึ้นเพื่อยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ได้แก่ โครงการ Noble Create ได้รับรางวัลประเภท “Best Natural Condo” โดยเป็นคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่สีเขียวกว่า 5 ไร่ ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Forest Habitat จำลองระบบนิเวศที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต เสมือนยกสวนสาธารณะขนาดใหญ่มาไว้ใจกลางโครงการ ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสถึงธรรมชาติ การพักผ่อนอย่างแท้จริง และบริษัท เซิร์ฟ พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือโนเบิล ได้รับรางวัล Top Performance Agent การันตีคุณภาพและการบริการอย่างดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน จากบริษัท ลิฟวิ่ง อินไซเดอร์ จำกัด
จากข้อสรุปผลจากการดำเนินการทุกประการที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ดิฉันมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทฯ จะสามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2567 และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทฯ จะได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากท่านผู้ถือหุ้นทุกท่านเสมือนในปีที่ผ่านมา
ในนามของคณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ ขอแสดงความขอบคุณต่อความเชื่อมั่น การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ และความปรารถนาดีของท่านผู้ถือหุ้นทุกท่านมา ณ ที่นี้
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง